บทความ

ต่อขนตาแบบตาหวาน สร้างเสน่ห์ให้ดวงตาของคุณ

ต่อขนตาแบบตาหวาน

อยากลอง ต่อขนตาแบบตาหวาน สักครั้ง แต่ไม่รู้ว่าจะทำให้สวยขึ้นไหม กลัวไม่เข้ากับหน้า ไม่เข้ากับการสไตล์แต่งตัว จากมือใหม่หรือสายฝอ.ก็อาจอยากลองเปลี่ยนเป็นสาวลุคหวานดูธรรมชาติบ้าง

บทความนี้จะเป็นการแนะนำการต่อขนตาแบบตาหวาน คืออะไร ตัวอย่างทรงที่ต่อแล้วตาหวานอะไรบ้าง วัสดุที่ใช้ต่อมีกี่แบบและใครบ้างที่เหมาะกับการต่อขนตาแบบนี้ รวมถึงเหตุผลที่คุณเองก็ควรลองต่อขนตาแบบนี้ดูสักครั้ง มาเริ่มต้นกันที่…

ต่อขนตาแบบตาหวาน คืออะไร

ต่อขนตาแบบตาหวาน คืออะไร?

การต่อขนตาแบบตาหวาน คือ การต่อขนตาที่เน้นไปที่ความเป็นธรรมชาติเหมือนไม่ได้ต่อ เสมือนว่าขนตายาวๆงอนๆเด้งๆแบบนี้เป็นขนตาธรรมชาติของเราเอง ไม่ได้เน้นความโดนเด่นคมเข้มเหมือนลุคสายฝอ.

ทางชาติตะวันตกหรือยุโรปส่วนใหญ่ มักจะชอบต่อขนตาแบบเน้นให้หนา งอน ยาว หลับตาแต่ละครั้งลมแรงเหมือนโพกพัด แต่การต่อแบบที่เน้นให้ตาหวานจะเหมือนกับการต่อสไตล์เกาหลี หรือ สไตล์ญี่ปุ่น ที่เน้นให้ดูอ่อนเยาวน์ สดใส ให้ขนตาดูเป็นธรรมชาติ

เพื่อให้เห็นภาพชัด จะลองเปรียบเทียบกันระหว่าง การต่อขนตาแบบคลาสสิก (Classic) หรือที่เรียกติดปากว่า การต่อแบบเส้นต่อเส้น และ การต่อ ขนตาทรงบาร์บี้ ดิสนี่ (Barbie Disney)

ต่อขนตาแบบตาหวาน เปรียบเทียบ
(ซ้าย) ขนตาทรงเส้นต่อเส้น (ขวา) ขนตาทรงบาร์บี้ ดิสนี่

ภาพด้านซ้ายการต่อแบบเส้นต่อเส้น จะมีความเป็นธรรมชาติมากที่สุด ความยาวไล่ระดับตั้งแต่หัวจรดหางตา เส้นขนตาปลอมขนาดสั้นยาวแต่ละเส้นเรียงต่อกัน ไม่เน้นรูปแบบการวางที่สลับซับซ้อนมากนัก

ภาพด้านขวาคือขนตาทรงบาร์บี้ ดิสนี่ ทรงนี้จะใช้การต่อแบบวอลลุ่ม (Volume) หรือ ขนตาแบบจับช่อสด ที่แต่ละช่อมีเส้นขนตา 3 เส้นขึ้นไป ทำให้ขนตาดูหนากว่าอย่างเห็นได้ชัดและการจัดวางที่สลับซับซ้อน ทำให้ขนตาทรงนี้ดูไม่เป็นธรรมชาตินัก แต่มีความโดดเด่นเป็นเอกลักษณ์ ทำให้ตาคมเป๊ะ แต่ก็แฝงไปด้วยความหวานที่ไม่เป็นธรรมชาติด้วยเช่นกัน

ต่อขนตาแบบตาหวาน เลือกทรง

ต่อขนตาแบบตาหวาน เลือกต่อขนตาทรงไหนดี

อยากต่อขนตาแต่ไม่รู้จะเริ่มต้นที่ทรงไหน โดยเฉพาะมือใหม่ที่เพิ่งเข้าวงการต่อขนตาครั้งแรก ในฐานะคนในวงการต่อขนตาที่พบเจอลูกค้าต่อเดือนไม่ต่ำกว่าร้อยคน ให้เริ่มต้นเลือกทรงที่ไม่หนามากและเน้นความเป็นธรรมชาติที่สุด จะได้ดูเนียนเหมือนขนตาจริงและไม่รู้สึกหนักตาจนเกินไป จากนั้นจึงค่อยๆเลือกทรงที่ดูหนาขึ้นทีละนิด จนเจอทรงที่ใช่กับเราที่สุด

ตัวอย่างแบบขนตาที่เน้นความธรรมชาติ เช่น การต่อขนตาแบบเส้นต่อเส้น (Classic) หรือ การต่อขนตาแบบไฮบริด (Hybrid) ที่เป็นแบบช่อสำเร็จรูปตัว Y ทั้ง 2 แบบเป็นการต่อแบบเริ่มต้นเหมาะสำหรับมือใหม่ ที่ไม่อยากให้ขนตาดูหนาเกินไป

การต่ออีกแบบเป็นการต่อแบบผสมผสาน ระหว่างเส้นต่อเส้นและจับช่อสด ที่มักเรียกกันว่าการต่อขนตาแบบวอลลุ่ม (Volume) การต่อแบบนี้จะดูเป็นธรรมชาติน้อยกว่า แต่จะสามารถใช้รูปแบบตำแหน่งการจัดวางขนตา ช่วยให้ตาดูหวานขึ้นได้ เช่น การต่อขนตาแบบเบบี้-ลุค (Baby Look) หรือ ขนตาทรงอนิเมะ (Manga) เป็นต้น

ต่อขนตาแบบตาหวาน วัสดุที่ใช้ต่อ

วัสดุที่เหมาะกับการต่อขนตา มีอะไรบ้าง

นอกจากรูปทรงแล้ว การเลือกวัสดุในการต่อขนตานั้นเป็นสิ่งที่สำคัญมาก เพราะสามารถส่งผลต่อความสวยงามและคุณภาพและอายุการใช้งานของขนต่อที่ต่อได้

วัสดุที่เป็นที่นิยมในการนำมาต่อขนตาที่สุด มี 2 แบบ คือ เส้นขนมิงค์ (Mink) และ เส้นขนสังเคราะห์ ซึ่งเส้นขนทั้งสองชนิดนี้มีความแตกต่างกัน มาดูกันว่าเส้นขนตาแบบไหนเหมาะกับคุณที่สุด

ต่อขนตาแบบตาหวาน
  • เส้นขนมิงค์ (Mink) : เส้นขนจากธรรมชาติซึ่งส่วนใหญ่จะได้จากขนสัตว์
    1. ข้อดี : เส้นขนที่มีความนุ่ม น้ำหนักเบา ใกล้เคียงกับขนตาจริงมากที่สุด ทำให้รู้สึกสบายตาไม่หนักและยังมีความทนทานมาก อีกทั้งยังมีความเป็นธรรมชาติที่สุด ทั้งเรื่องความเงางามและสีสัน ทำให้ตาสวยหวานเป็นธรรมชาติ
    2. ข้อเสีย : เส้นขนมิงค์ที่ได้จากสัตว์ที่มีชีวิต จึงมีราคาที่ค่อนข้างแพง ต้นทุนวัสดุที่สูง ทำให้ราคาขนตาแต่ละทรงมีราคาที่สูงขึ้น ราคาส่วนใหญ่จะเริ่มที่หลักพัน อีกทั้งยังสามารถเกิดอาการแพ้ในผู้ที่มีผิวแพ้ง่าย
ต่อขนตาแบบตาหวาน ขนตาสังเคราะห์
  • เส้นขนสังเคราะห์ : เส้นขนสังเคราะห์ที่สร้างขึ้นเพื่อเลียนแบบขนสัตว์จริงๆ ทำมาจากเส้นใย เช่น โพลีเอสเตอร์ อะคริลิก โดยผ่านการแปรรูปให้เหมือนขนสัตว์ในธรรมชาติที่สุด ทั้งความยาว ความนุ่มและสีสัน
    1. ข้อดี : ไม่ก่อนให้เกิดการแพ้ในคนที่มีผิวแพ้ง่าย มีให้เลือกหลากหลาย มีความทนทานสูง ดูแลรักษาง่าย ไม่ใช่ขนจริงจึงไม่ส่งผลกระทบกับชีวิตความเป็นอยู่ของสัตว์ในระบบนิเวศ อีกทั้งยังเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม ที่สำคัญที่สุดคือมีราคาที่ถูก เข้าถึงได้ง่าย
    2. ข้อเสีย : ความนุ่ม ความเบา ความทนทาน และสีสันความเงา สู้ขนสัตว์จริงไม่ได้

แต่อย่างไรก็ดี ในปัจจุบันร้านต่อขนตาส่วนใหญ่ที่พบเจอในประเทศไทย 99% เลือกใช้เส้นใยสังเคราะห์เป็นวัสดุหลักในการต่อขนตา เพราะราคาที่ถูกทำให้คนส่วนใหญ่เข้าถึงได้ง่ายกว่า อีกทั้งความหลากหลายของขนาด ความหนาและความงอนที่มากกว่า ทำให้ทรงขนตามีรูปแบบที่หลากหลายกว่าอีกด้วย

ต่อขนตาแบบตาหวาน เหมาะกับใคร

ต่อขนตาแบบตาหวาน เหมาะกับใครบ้าง

การต่อขนตาที่เน้นให้ตาดูหวาน สดใสเป็นธรรมชาติ สามารถต่อได้ทุกช่วงวัย ไม่ว่าจะเป็นวัยรุ่นที่กำลังเรียน หรือ ผู้ใหญ่ในวัยทำงาน อีกทั้งยังเข้าได้กับการแต่งตัวทุกไลฟ์สไตล์การใช้ชีวิต กลมกลืนเข้าได้กับทุกสไตล์การแต่งตัว อีกไม่ว่าจะแต่งหน้าอ่อนๆหรือแต่งแบบจัดเต็มก็สามารถช่วยให้ใบหน้าดูเต็มขึ้นได้อีกด้วย  

การต่อขนตาทรงที่เน้นให้ดวงตาดูหวานขึ้นนั้น ถือเป็นแบบขนตาอันดับแรกที่ผู้หญิงส่วนใหญ่ต้องเคยต่อกันมาบ้างแล้ว โดยเฉพาะนักเรียน นักศึกษา เพราะมันเหมาะมากสำหรับมือใหม่ที่เพิ่งเริ่มต่อขนตา แถมยังมีราคาที่ถูกที่สุดเมื่อเทียบกับขนตาแบบอื่นๆ นอกจากนี้ขนตาสไตล์นี้ยังมีอยู่ในทุกร้าน เพราะเป็นแบบขนตาเริ่มต้นที่ช่างทุกคนสามารถทำได้

ไม่ว่าคุณจะอยู่ที่ไหนหากยังไม่เคยลองต่อขนตา แนะนำให้ลองต่อขนตาแบบที่เน้นให้ตาหวานก่อน แล้วจึงขยับความยาวความหนาขึ้นไป จนเจอแบบที่ใช่กับคุณที่สุด อยากดูขนตาทรงอื่นๆเพิ่มเติม คลิกเลย

สนใจสอบถามเพิ่มเติม , จองคิวได้ที่…
Line : @Looksom
Facebook : Looksom Eyebrow – ร้านต่อขนตา สักคิ้ว สักปาก สอนต่อขนตาหัวหิน
โทร : 083-893-5306 , 062-438-1499

Facebook
Twitter

คอนเท้นท์ที่คุณน่าจะสนใจ

Scroll to Top